ไม่กี่วันก่อนมีข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน ๓ จชต. นั่นคือ การออกมาให้ข่าวของนายยาเชร์ ปาต๊ะ ซึ่งมีที่พักพิงอยู่ในประเทศเยอรมนี เป็นแกนนำคนสำคัญของ พูโล ในภาคพื้นยุโรป ต่อสู้กับรัฐบาลไทยมาหลายสิบปี นายยาเชร์ บอกว่า ขณะนี้พูโลกำลังจะยุติบทบาทการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ และจะนำแกนนำที่หลบหนีคดีความมั่นคงทั้ง นายมะแซ อุเซ็ง และ นายสะแปอิง บาซอ สองแกนนำบีอาร์เอ็นฯ กลับมามอบตัวด้วย เพื่อเข้าร่วมเป็นผู้ประสานงานยุติไฟใต้กับรัฐบาลไทย
ข่าวนี้จริงๆ แล้วเป็นข่าวที่น่าจะได้รับความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก แต่กลับแทบจะไม่มีสื่อใดนำเสนอเลย นอกจากในเว็บไซต์บางแห่งเท่านั้น ที่น่าสนใจก็คือ การต่อสู้กันบนเว็บไซต์อย่างดุเดือด เพราะไม่กี่วันถัดมา เว็บไซต์พูโลได้ลงบทความโจมตีรัฐบาลไทย และโจมตีนายยาเชร์ ว่าไม่ได้รับการยอมรับจากขบวนการ
เว็บไซต์พูโลกล่าวว่า การกระทำของนายยาเชร์ เป็นการกระทำโดยพลการ และไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกกลุ่มฯ เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงภาพรวมของประชาชาติมลายูปาตานี ซึ่งนายยาเชร์ต้องการผลประโยชน์จากทางรัฐบาลไทย...
แค่ยกแรกก็มันเสียแล้ว จากถ้อยคำของทั้งสองฝ่าย วิเคราะห์ได้อย่างหนึ่งว่า ความเป็นเอกภาพของพูโลดูเหมือนจะสั่นคลอนลงมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากก่อนหน้านี้ก็เคยมีการออกมาตัดพี่ตัดน้องกับกลุ่มเบอร์ซาตูไปครั้งหนึ่งแล้ว เสียงที่แตกเป็นสองฝ่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ้างของนายยาเชร์ที่บอกว่า จะนำแกนนำบีอาร์เอ็นทั้งสองคนกลับมามอบตัวด้วยนี้ เหมือนเป็นการตีแสกหน้ากลุ่มของนายกัสตูรี มาโกตา ที่อ้างมาตลอดว่าตัวเองเป็นรองประธานพูโล และควบคุมการก่อเหตุในพื้นที่มากกว่า 80%
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เว็บไซต์พูโลจะลงบทความโจมตีเพื่อนร่วมขบวนการของตนเองอย่างสาดเสียเทเสีย เพราะหากปล่อยให้ความจริงข้อนี้ล่วงรู้ไปถึงคนที่ปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น จะทำให้พูโลกลายเป็นกลุ่มที่ไร้พิษสง เป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ และมีพลังเพียงแค่การพล่ามอยู่บนเว็บไซต์เท่านั้นเอง
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ใครพูดจริง ใครโกหก คงต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ แก้วที่เริ่มร้าว อีกไม่นานก็คงจะแตก และไม่มีทางจะกลับคืนดังเดิมได้อีกต่อไป ... และเมื่อนั้น ความสงบสุข คงจะกลับคืนสู่ปลายด้ามขวานทองของไทยเสียที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น