การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยเมื่อ 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นความสำเร็จของระบอบประชาธิปไตยของไทยที่จะได้รัฐบาลจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเข้ามาบริหารงานบ้านงานเมืองแล้ว ยังถือว่าเป็นคำถามโจทย์ใหญ่ส่งไปถึงกลุ่มคนบางกลุ่มที่สร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติและประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
ก่อนหน้าการเลือกตั้ง กลุ่มคนดังกล่าวพยายามปลุกระดมให้ชาวมลายูในพื้นที่ต่อต้านการเลือกตั้ง ต่อต้านการปกครองภายใต้รัฐบาลไทย มีการแจกใบปลิวโจมตี มีการอ้างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ นานา ว่าชาวมลายูเป็นเจ้าของดินแดนบ้าง เชื้อชาติมลายูยิ่งใหญ่มาก่อนถูกสยามเข้ายึดครองบ้าง มีการอ้างถึงนักวิชาการชาวอาหรับหลากหลายท่านเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือกับกลุ่มของพวกตน แต่จากผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ประชาชนที่มีสิทธิมีเสียงตัวจริงของพื้นที่ คือชาวมลายูใน 3 จังหวัดต่างออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันอย่างมโหฬาร นั่นแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและยินดีที่จะอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งให้สิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิตและประกอบกิจกรรมทางศาสนาอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
พื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างยอมรับ คือการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ หากมองในภาพใหญ่ ชาวไทยมุสลิมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย การออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไป สรุปได้ว่า พวกเขาไม่ได้อยากจะแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระ ขณะเดียวกัน หากมองในระดับย่อยลงมาเฉพาะดินแดนที่ถูกอ้างว่าเป็น อาณาจักรปาตานีโบราณ (พื้นที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา) ยังปรากฏว่าประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกินครึ่ง นั่นก็หมายถึง ชาวไทยมุสลิมไม่ยอมรับอำนาจที่มีอยู่ของกลุ่มก๊วนผู้ก่อความไม่สงบทั้งพูโล และ บีอาร์เอ็น ไม่ว่าจะมองในมุมใด ในระดับย่อย หรือ ระดับใหญ่ ประชาชนชาวไทยมุสลิมได้ประกาศตัวเองว่ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกป่วนบ้านป่วนเมืองอย่างชัดเจน
ประชากรโลกยุคใหม่ในยุคที่ประเทศต่างๆ ต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน บนโลกที่ไม่มีพรมแดน ไม่มีเรื่องชาติพันธุ์เป็นการปิดกั้นการพัฒนา ท่ามกลางระบบการติดต่อสื่อสารที่ฉับไวรวดเร็ว พวกเขาได้ให้คำตอบแล้ว ว่าต้องการการแก้ปัญหาในระบอบประชาธิปไตยที่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่ความรุนแรง
เป็นคำตอบที่ย้อนเป็นคำถามกลับไปยังผู้ที่คิดแบ่งแยกอาณาจักรปาตานีออกจากผืนแผ่นดินประเทศไทย หรือคนกลุ่มนี้เป็นเพียงแค่คนที่ยึดติดอยู่กับความเจริญรุ่งเรืองในอดีตที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก หรือการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้มีค่าแค่เพียงพฤติกรรมของคนหลงยุคเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น